เพียงแค่ไม่ถึง 10 นาทีจากแหลมสน เรือของพวกเราก็เดินทางมาถึง “อ่าวสอง” จุดดำน้ำตื้นฝั่งตะวันตกของเกาะอาดังที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอม (www.thongteaw.com) ลงความเห็นร่วมกันว่า “เป็นจุดดำน้ำตื้นที่มีความหลากหลายทางชีวภาพใต้ทะเลมากเป็นอันดับต้นๆ เมื่อเปรียบเทียบกับจุดดำน้ำตื้นรอบๆ เกาะหลีเป๊ะแห่งอื่นๆ ทั้งหมด” .....ขณะที่เรือกำลังเบนหัวเพื่อเตรียมเข้าจอด ณ จุดดำน้ำตื้น..... พวกเราสังเกตเห็นสภาพน้ำทะเลบริเวณอ่าวสองเป็นสีเขียวอ่อนและใสจนสามารถมองเห็นแนวปะการังใต้ท้องน้ำได้อย่างชัดเจน แถมแนวปะการังยังอยู่ลึกจากระดับผิวน้ำเพียงแค่ 3 – 5 เมตร แสงแดดสามารถส่องทะลุลงไปจนกระทั่งถึงพื้นทรายใต้น้ำได้ ช่วยให้พวกเราเฝ้าสังเกตสิ่งมีชีวิตชนิดต่างๆ ในอาณาบริเวณนี้ได้ง่ายมากยิ่งขึ้น
นายท้ายค่อยๆ พาเรือลอยลำช้าๆ เข้าไปใกล้กับแนวเขตทุ่นแล้วผูกเชือกล่ามเรือจนแน่นหนาก่อนจะปล่อยให้พวกเราจุ่มบั้นท้ายลงทะเล ถึงแม้วันนี้กระแสน้ำจะไหลค่อนข้างแรงแต่การค่อยๆ เกาะเชือกเขยิบไปตามแนวเขตทุ่นก็ช่วยผ่อนแรงในการดำน้ำดูปะการังได้ เมื่อพวกเราลงไปลอยคอแล้วก้มกะโหลกชะโงกมองปะการังใต้น้ำ.....ความตื่นตาตื่นใจก็เริ่มบังเกิดขึ้น ทั้งปะการังสมอง , ปะการังเขากวาง , ปะการังโขด , ปะการังลายดอกไม้ , ปะการังรังผึ้ง , ปะการังกาแล็กซี่ , ปะการังลูกโป่งเล็ก , ปะการังดอกไม้ทะเล (“ปะการังดอกไม้ทะเล” ไม่ใช่ “ดอกไม้ทะเล” นะครับ) ล้วนแล้วแต่เป็นสิ่งที่คุณสามารถพบเห็นได้ไม่ยาก ณ สวนใต้ทะเลแห่งนี้
“หนอนฉัตร” เป็นสัตว์ทะเลสวยงามตัวเล็กๆ ที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมอยากให้ทุกๆ คนลองสังเกตดู ปกติเจ้าสัตว์ทะเลตัวจ้อยนี้จะอาศัยอยู่ภายในรูบนปะการังโขด แล้วยื่นปากที่มีลักษณะคล้ายกับฉัตรหลากสีออกมาเพื่อกรองหาแพลงตอนจากกระแสน้ำ ปากของหนอนฉัตรนั้นมีทั้งสีเหลือง , ส้ม , น้ำเงิน , ขาวสลับม่วง , ขาวสลับน้ำเงิน , ขาวสลับเขียวขี้ม้า , ขาวบริสุทธิ์ , ฯลฯ เมื่อสีสันอันสดใสเหล่านี้คอยผลุบๆ โผล่ๆ อยู่บนก้อนปะการังสีน้ำตาลอ่อน ก็ดูเหมือนดินแดนมหัศจรรย์น้อยๆ ใต้ผืนทะเลกว้างกำลังกล่าวคำทักทายแก่แขกผู้มาเยือน (นักท่องเที่ยวสามารถพบเห็นหนอนฉัตรได้ทั่วไปตามจุดดำน้ำตื้นต่างๆ รอบๆ บริเวณเกาะหลีเป๊ะ แต่จุดที่พวกเราคิดว่ามีหนอนฉัตรอยู่มากที่สุดนั้นคือ “จุดดำน้ำตื้นด้านหน้าอ่าวลิง เกาะดง” ครับ)
นอกจากปะการังมากมายหลายรูปแบบและหนอนฉัตรหลากสีแล้ว นักท่องเที่ยวยังจะได้พบกับดอกไม้ทะเล , ปลาการ์ตูน , ปลาผีเสื้อเทวรูป , ปลาสลิดหินเทา , ปลาสลิดหินเหลือง , หอยมือเสือ , หอยมุกปะการัง (อย่าไปคิดว่าถ้างัด แงะ แกะ หรือ ทุบหอยมุกปะการังแล้วจะพบไข่มุกอยู่ภายในนะครับ เพราะหอยมุกปะการังเป็นหอยคนละชนิดกับหอยที่ใช้เลี้ยงเพื่อผลิตไข่มุก) , ฯลฯ หรือในกรณีที่โชคดีสุดๆ อาจได้เห็น “ปลาปากแตร” แหวกว่ายอยู่ใกล้ๆ แบบที่ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมเคยเจอมาแล้วก็เป็นได้
บางครั้งในขณะที่กำลังดำน้ำดูปะการังเพลินๆ คุณอาจสังเกตเห็น “ขาปริศนา ?” สีเหลืองสลับดำจำนวนหลายๆ ขาโผล่ออกมาจากซอกหลืบใต้แนวหินปะการัง (บางคนอาจเห็นเป็นขาสีครีมสลับดำ) ยังความสงสัยให้แก่ผู้พบเห็นเป็นอย่างยิ่งว่า.....มัน คือ ขาของตัวอะไรกันแน่ ?.....ทีมงานท่องเที่ยวดอทคอมขอเดาว่า “ขาปริศนา ?” ลักษณะนี้น่าจะเป็นขาของ “กุ้งมังกร” ที่กำลังแอบงีบพักผ่อนในช่วงเวลากลางวัน เพราะคำว่า “อาดัง” ใน “เกาะอาดัง” นั้นเป็นภาษาเก่าแก่ของ “ชาวเลอูรัก ลาโว้ย” ที่มีความหมายว่า “กุ้งมังกร” จึงไม่ค่อยแปลกนักหากจะมีกุ้งมังกรมานอนหลบซ่อนอยู่ใต้ซอกหินรอบๆ บริเวณเกาะแห่งนี้ (อ้างอิงความหมายของคำว่า “อาดัง” จากพี่ปานพล ผู้ช่วยหัวหน้าอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา พี่ปานพลเล่าให้พวกเราฟังว่าในอดีตรอบๆ เกาะแห่งนี้มีกุ้งมังกรอาศัยอยู่ชุกชุมจึงมีการนำเอาคำว่า “อาดัง” มาตั้งเป็นชื่อเกาะนั่นเอง)
หลังจากดำผุดดำว่ายดูปะการังบริเวณอ่าวสองอยู่เกือบ 20 นาที พวกเราก็ค่อยๆ ทยอยว่ายน้ำกลับมาขึ้นเรือหางยาวที่จอดคอยอยู่ การเดินทางในวันนี้เพิ่งจะเริ่มต้น.....ยังมีความสวยงาม ณ จุดดำน้ำตื้นอีกหลายแห่งที่พวกเราต้องตามไปค้นหา.....เป้าหมายต่อไป “เกาะยาง” !!
โทรศัพท์ติดต่ออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะตะรุเตา : (074) 783 – 485 , (074) 783 – 597 ฤดูกาลท่องเที่ยวที่เหมาะสม : เปิดฤดูกาลท่องเที่ยวตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกๆ ปี (ตั้งแต่วันที่ 16 พฤษภาคม – 15 พฤศจิกายน ของทุกๆ ปีเป็นช่วงปิดฤดูกาลท่องเที่ยว) การเดินทางสู่เกาะอาดัง : โดยปกตินักท่องเที่ยวต้องลงจากเรือเร็ว (speedboat) หรือเรือเฟอรี่ (ferryboat) บริเวณโป๊ะกลางทะเลด้านหน้า “หาดพัทยา 2 เกาะหลีเป๊ะ” แล้วต่อเรือหางยาวจากโป๊ะไปยังเกาะอาดัง ค่าโดยสารอยู่ที่ประมาณ 100 – 200 บาท/คน/เที่ยว แต่มีกรณียกเว้นหากนักท่องเที่ยวซื้อตั๋วเรือเร็ว “ปากบารา – เกาะหลีเป๊ะ” อาจขอให้กัปตันเรือเร็วแวะไปส่งบริเวณ “แหลมสน เกาะอาดัง” ก่อนที่เรือจะวนเข้ามาถึงโป๊ะกลางทะเลด้านหน้า “หาดพัทยา 2 เกาะหลีเป๊ะ” ก็ได้ หรืออาจรอจนเรือเร็วส่งผู้โดยสารคนอื่นๆ ลงโป๊ะกลางทะเลบริเวณหาดพัทยา 2 จนหมดแล้วค่อยนั่งเรือเร็วต่อไปยังเกาะอาดังก็ได้ เพราะโดยปกติเรือเร็วทุกลำจะต้องไปจอดให้กัปตันเรือพักค้างคืน ณ “แหลมสน เกาะอาดัง” อยู่แล้ว (เนื่องจากเรือเร็วไม่สามารถแล่นผ่านแนวปะการังเข้ามาจอดพักบริเวณชายหาดของเกาะหลีเป๊ะได้ เรือเร็วจึงต้องไปจอดพักบริเวณแหลมสนของเกาะอาดังแทนครับ) หากนักท่องเที่ยวพักอยู่บนเกาะหลีเป๊ะแล้วต้องการจะย้ายไปค้างแรมบนเกาะอาดังเพื่อเปลี่ยนบรรยากาศ แนะนำให้ติดต่อเจ้าของเรือหางยาวบริเวณหาดใดๆ บนเกาะหลีเป๊ะก็ได้ (เห็นเรือหางยาวจอดอยู่ที่ไหนก็ลองสอบถามหาเจ้าของเรือใกล้ๆ แถวนั้นได้เลยครับ) ค่าโดยสารตามปกติระหว่าง “เกาะหลีเป๊ะ – เกาะอาดัง” จะอยู่ที่ 100 – 200 บาท/คน/เที่ยว ไม่รวมบริการนำเที่ยวอ่าวสอง (กรณีที่ต้องการย้ายจากเกาะอาดังกลับมาพักบนเกาะหลีเป๊ะก็สามารถติดต่อเจ้าของเรือหางยาวบริเวณแหลมสน หรือหาดเกาะอาดังก็ได้ ราคาค่าโดยสารตามปกติจาก “เกาะอาดัง – เกาะหลีเป๊ะ” อยู่ที่ 100 – 200 บาท/คน/เที่ยว เช่นเดียวกัน)
|
|||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||||
